วิธีการดูดไขมันมีกี่วิธี และตำแหน่งในการดูดไขมันมีจุดไหนบ้างที่สามารถทำได้
การมีรูปร่างที่สวยสมส่วน ปราศจากไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกคน เพราะนอกจากหาเสื้อผ้าใส่ง่ายยังทำให้มั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง ดูดไขมัน เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้รูปร่างดูดีและได้สัดส่วนมากขึ้น การดูดไขมันคืออะไร วิธีการดูดไขมันมีกี่วิธี และตำแหน่งในการดูดไขมันมีจุดไหนบ้างที่สามารถทำได้ บทความนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ
การดูดไขมัน คืออะไร
การศัลยกรรมเพื่อดูแลรูปร่างให้สวยสมส่วน มีหลายรูปแบบและทำได้หลายเทคนิควิธี “การดูดไขมัน” เป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เป็นการดูดไขมันเพื่อกำจัดเซลลูไลท์ และลดความอ้วน ความเข้าใจนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด เนื่องจากการดูดไขมันไม่ใช่วิธีหลักในการแก้ปัญหาของผู้ที่เป็นโรคอ้วน แต่การดูดไขมัน คือการกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ลักษณะเป็นการกำจัดไขมันเฉพาะจุด ที่ลดได้ยาก เช่น บริเวณใต้ผิวหนัง
ความหมายที่ถูกต้อง ของการดูดไขมัน จึงเป็นการทำศัลยกรรม เพื่อช่วยปรับรูปร่าง ทำให้สัดส่วนกระชับสวยได้รูป และมีส่วนเว้าส่วนโค้งตามต้องการ รวมทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่ต้องการลดไขมันหน้าท้อง เพื่อให้เห็นซิกซ์แพ็ก หรือเห็นกล้ามเนื้อท้องที่ชัดเจนขึ้น โดยเป็นการดูดไขมันด้วยพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ ด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 ทำให้ไขมันแตกตัวเป็นของเหลว ที่ง่ายต่อการดูดออกมา
เรื่องควรรู้และความปลอดภัยในการดูดไขมัน
การดูดไขมันถือเป็นหัตถการด้านศัลยกรรมตกแต่ง ที่ผู้ศัลยกรรมส่วนใหญ่ต้องการทำหัตถการเพื่อกระชับสัดส่วน และยังเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม และเพื่อให้คนที่ต้องการดูดไขมัน แต่ยังไม่มั่นใจว่าดูดไขมันดีจริงไหม ทำแล้วมีความปลอดภัยหรือไม่ การดูดไขมันที่ปลอดภัยควรมี 3 เรื่องควรรู้ ดังนี้
1. ผู้ที่เหมาะสมกับการดูดไขมัน
ดูดไขมันไม่ใช่การลดความอ้วน แต่เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมัน จึงไม่ได้หมายถึงคนที่มีน้ำหนักส่วนเกินหรือมีน้ำหนักตัวมาก แต่เป็นบุคคลต่อไปนี้
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน โดยไม่สามารถลดได้หลังจากการออกกำลังกายและคุมอาหาร การดูดไขมัน จึงเป็นทางเลือกที่ดี
- บุคคลที่ผิวหนังมีคุณภาพความยืดหยุ่นที่ดี ผิวหนา ไม่หย่อนคล้อย เพราะผิวที่บางและบริเวณที่แตกลายและหย่อนคล้อย การดูดไขมันไม่สามารถรับประกันการแก้ไขภาวะเซลลูไลท์ได้
- ผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว
2. การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานมีแพทย์วิชาชีพเป็นผู้ให้บริการ
การดูดไขมันเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยง การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานได้รับใบอนุญาตถูกต้อง นอกจากมีแพทย์วิชาชีพเป็นผู้ให้บริการแล้ว เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยังสะอาด ปลอดภัย สร้างความมั่นใจในเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี
3. แพทย์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
การดูดไขมันแม้จะมีแผลขนาดเล็ก แต่ก็เป็นหัตถการทางศัลยกรรมความงามที่มีความเสี่ยง มีโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ เส้นประสาท และอวัยวะข้างเคียงเกิดได้สูง การให้บริการโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ช่วยสร้างความมั่นใจทั้งด้านความปลอดภัย และผลลัพธ์จากการดูดไขมัน
การดูดไขมันมีกี่วิธี
โดยทั่วไปคำว่า ดูดไขมัน คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็นการดูดไขมันเพื่อลดความอ้วน ในความเป็นจริง การดูดไขมันตามส่วนต่างๆภายในร่างกาย เป็นการนำไขมันส่วนเกินออกไป เพื่อให้สัดส่วนบริเวณนั้นๆมีขนาดเล็กลง ช่วยให้รูปร่างสมส่วน และดูสวยงามมากขึ้น ในกระบวนการดูดไขมันสิ่งที่ผู้ศัลยกรรมต้องทำความเข้าใจ ก็คือ การดูดไขมันมีกี่แบบ ซึ่งไขมันที่ถูกดูดออกมาแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ และ 1 วิธี ได้แก่ การดูดไขมันทิ้ง การดูดไขมัน – เติมไขมัน และเทคนิคการดูดไขมันซึ่งมีหลายวิธีดังนี้
การดูดไขมันทิ้ง
การดูดไขมันทิ้งเป็นการกำจัดไขมันออกไป โดยไม่ได้นำเอาไขมันที่ดูดออกมาไปใช้ประโยชน์ต่อ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ และเครื่องดูดไขมันพลังงานความร้อน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากการใช้เครื่องพลังความร้อนสามารถสลายไขมันได้ดี และมีราคาดูดไขมันที่ถูกกว่าเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ
การดูดไขมัน – เติมไขมัน
การดูดไขมันแล้วนำไขมันนั้นมาเติมเต็มบริเวณจุดบกพร่องนั้น เนื่องจากการดูดไขมันสามารถนำไขมันที่ดูดออกไปปลูกถ่ายที่ส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วย โดยเรียกกันว่าการฉีดไขมัน เช่น การฉีดไขมันหน้าผาก เพื่อปรับรูปหน้าผากให้มีลักษณะตามหลักโหงวเฮ้ง เป็นต้น ซึ่งการเติมไขมันจะไม่สามารถใช้เครื่องดูดไขมันพลังความร้อนได้ จะต้องใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ เท่านั้น หรือดูดไขมันแบบแรงมือ ใช้เพียง Syringe ดูดเก็บไขมันออกมา เพื่อเติมเต็มอย่างเดียว
เทคนิคและวิธีการดูดไขมัน
สำหรับการดูดไขมันหลักๆมีเพียงเทคนิคเดียว คือ การทำให้ไขมันหลวมเพื่อดูดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ส่วนวิธีทำให้ไขมันหลวมมีหลายวิธีการ เช่นการใช้คลื่นวิทยุ (RF) การใช้อัลตราซาวด์ หรือคลื่นเสียง การฉีดสารละลายบางอย่างที่ทำให้ไขมันแตกตัวและดูดง่ายขึ้น
ตำแหน่งในการดูดไขมันมีจุดไหนบ้าง
ดูดไขมัน นอกจากเป็นศัลยกรรมความงามรูปแบบหนึ่งที่ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้ว ยังเป็นเทคโนโลยีในการสลายเฉพาะเซลล์ไขมัน ไม่ทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงโดยเฉพาะเส้นเลือดและเซลล์ประสาทบริเวณรอบๆและเนื้อเยื่อก้อนไขมันเสียหาย ช่วยลดการเกิดรอยบวม และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ผู้ศัลยกรรมฟื้นตัวได้เร็วกว่าการกำจัดไขมันด้วยวิธีอื่นๆ
[news_to_services_reviews]
[meko_contact]
ตำแหน่งของไขมันในร่างกาย
โดยปกติในร่างกายของคนเรา จะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่างๆซึ่งแต่ละคนจะมีจุดสะสมไขมันที่แตกต่างกัน และเซลล์ไขมันในร่างกายยังแบ่งออกเป็น 2 ตำแหน่งใหญ่ๆได้แก่ ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง
1. ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ไขมันชนิดนี้บ่งบอกลักษณะชัดเจนว่าเป็นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดปัญหารูปร่างและสัดส่วน ทำให้ผิวหนังไม่ตึงกระชับ มีไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะผู้หญิงทำให้ส่วนเว้า ส่วนโค้งของรูปร่างหายไป และมักสะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพกและก้น
2. ไขมันในช่องท้อง
ไขมันในช่องท้อง ไขมันชนิดนี้เป็นไขมันที่สะสมอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อท้องกับอวัยวะในช่องท้อง เนื่องจากร่างกายเผาผลาญหรือนำไปใช้งานไม่หมด ทำให้มีลักษณะลงพุง พุงห้อย พุงย้อย ซึ่งถือเป็นจุดที่อันตราย เนื่องจากไขมันช่องท้องเหล่านี้ จะขัดขวางทางเดินของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อในร่างกาย และเป็นตัวก่อโรคต่างๆ
ตำแหน่งในการดูดไขมัน
สำหรับตำแหน่งในการดูดไขมัน กรณีนำออกมาเติมเต็มหรือใช้ในการศัลยกรรมความงาม คือไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อสุขภาพ การนำมาใช้จะส่งผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราเป็นหลัก โดยแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่างๆมากน้อยแตกต่างกันไป รวมทั้งการดูดไขมันออกมาเติมเต็มบางตำแหน่งมีความเสี่ยงสูง ซึ่งไม่เหมาะกับการดูดไขมัน ส่วนของตำแหน่งที่นิยมดูดไขมัน ได้แก่ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ดูดไขมันสะโพก และก้น ดังนี้
1. การดูดไขมันหน้าท้อง
การดูดไขมันหน้าท้อง เป็นตำแหน่ง ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในการดูดไขมัน เนื่องจากเป็นส่วนที่สะสมปริมาณไขมันได้มากที่สุดในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย จุดที่จะทำการดูดไขมันก็คือช่วงเอวและหน้าท้องส่วนล่าง
2. การดูดไขมันต้นแขน
การดูดไขมันต้นแขน เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการมีไขมันสะสมบริเวณต้นแขนเป็นจำนวนมาก มักส่งผลต่อการแต่งตัวและการเลือกเสื้อผ้าสวมใส่ได้ยาก การดูดไขมันเพื่อปรับลดขนาดต้นแขนให้เล็กลง จะทำให้ดูสมส่วนมากขึ้น
3. การดูดไขมันต้นขา
ต้นขาก็เป็นที่ตำแหน่งหนึ่งที่มีการสะสมของไขมัน ทำให้ต้นขาใหญ่ การดูดไขมันต้นขา เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินที่อยู่รอบๆต้นขาออกไป เพื่อแก้ปัญหาต้นขาใหญ่ เนื้อขาปลิ้น หรือต้นขาไม่สมส่วนกับสัดส่วนอื่นๆของร่างกาย
4. ดูดไขมันสะโพก และก้น
การมีไขมันบริเวณก้นและสะโพกปริมาณมาก ส่งผลให้มีปัญหาสะโพกใหญ่ไม่รับขนาดตัวและสะโพกที่ใหญ่ย้อยจนเกินไปทำให้มีรูปร่างที่ไม่สวยงาม การดูดไขมันสะโพกและก้นเป็นการขจัดไขมันส่วนเกินออก เพื่อให้มีรูปร่างที่สมส่วนสวยงาม มีก้นและสะโพกที่กลมเด้งกระชับ มากขึ้น
ขั้นตอนการผ่าตัดดูดไขมัน
การผ่าตัดดูดไขมัน เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินตรงบริเวณที่ไม่ต้องการ เพื่อให้รูปร่างส่วนนั้นๆดูดีขึ้น และเป็นการผ่าตัดดูดไขมันในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่างๆของร่างกายเฉพาะจุด ขั้นตอนการผ่าตัดอาจทำให้ผู้รับบริการมีความเจ็บปวด เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างดูดไขมันทำได้ 2 วิธี คือ การดมยาสลบและการฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งการผ่าตัดดูดไขมันมีขั้นตอน ดังนี้
- วางยาสลบหรือใช้ยาชาเฉพาะที่
- เปิดช่องผิวหนังเป็นรอยยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร
- ฉีดยาเพื่อทำให้ไขมันอ่อนตัว และผสมยาห้ามเลือดลงในตำแหน่งที่ดูดไขมัน
- สอดท่อเข้าไปในรอยแผลที่เปิดไว้ และดูดเอาไขมันส่วนเกินออก
- เย็บแผลด้วยไหมขนาดเล็กประมาณ 1 – 2 เข็ม เพื่อปิดปากแผล
- พันบริเวณที่ดูดไขมันด้วยผ้ายืด
- ใช้เวลา 30 นาทีถึง 5 ชม. ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูด
การดูดไขมันโดยการฉีดยาชา และวางยาสลบ แตกต่างกันอย่างไร
การดูดไขมันหรือการผ่าตัดดูดไขมันส่วนเกิน เป็นการศัลยกรรมที่ทำให้เกิดรอยแผล และมีหลายเทคนิควิธี แต่ละเทคนิคอาจใช้เพียงการฉีดยาชา หรือการวางยาสลบอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทำได้ทั้ง 2 วิธี ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้บริการ หรือขึ้นอยู่กับตัวของผู้ศัลยกรรมเอง โดยทั้ง 2 เทคนิคมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกัน ดังนี้
1. การดูดไขมันโดยการฉีดยาชา
การฉีดยาชา แพทย์จะฉีดยาชาเข้าไปในบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน โดยหลักการจะฉีดยาชาแล้วเปิดแผล ขนาด 0.2-0.3มม. แล้วเริ่มฉีดยาชาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการดูด ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 2-3 นาที ในเข้าไปยับยั้งการส่งกระแสประสาทความรู้สึกเจ็บ ที่จะถูกส่งไปยังสมอง ทำให้ผู้ศัลยกรรมไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะรับรู้ได้ถึงแรงกด และการเคลื่อนไหวในบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน วิธีนี้เหมาะกับการดูดไขมันบริเวณเล็กๆใช้เวลาในการดูดไขมันไม่นาน เช่น เหนียงและต้นแขน
ข้อดีของการดูดไขมันโดยการฉีดยาชา
- ผู้ศัลยกรรมไม่ต้องงดน้ำ อาหาร ก่อนดูดไขมัน
- ไม่ต้องเอกซเรย์ปอด ตรวจการทำงานของตับและไต
- การฉีดยาชา ใช้เวลาในการดูดไขมันได้รวดเร็วกว่า การวางยาสลบ
- ผู้ศัลยกรรมรู้สึกตัวตลอดเวลา หลังผ่าตัดดูดไขมันเสร็จแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที
2. การดูดไขมันโดยวิธีดมยาสลบ
การดูดไขมันโดยวิธีดมยาสลบ ก่อนที่จะทำการดูดไขมัน วิสัญญีแพทย์ จะประเมินและตรวจเช็คร่างกายผู้รับบริการอย่างละเอียด และจะยังเฝ้าสังเกตอาการ ในขณะที่คนไข้ยังไม่ได้สติอยู่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการหลังการดูดไขมันอีกระยะกรณีที่คนไข้ยังมีอาการปวด และยังไม่ได้สติกลับคืนมาเต็มที่ ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับการดูดไขมันบริเวณกว้างและดูดไขมันหลายจุดพร้อมกัน
ข้อดีของการดูดไขมันโดยวิธีดมยาสลบ
- ผู้ศัลยกรรมจะรู้สึกผ่อนคลาย เพราะจะไม่มีความเจ็บปวดระหว่างการดูดไขมัน ทำให้การดูดไขมันง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
- ศัลยแพทย์สามารถใช้เครื่องมือและเทคนิคการดูดไขมันได้มาก
- ศัลยแพทย์สามารถดูดไขมันออกมาได้เต็มที่ และสามารถออกแบบสรีระให้สวยงามตามต้องการได้
- ทำให้การดูดไขมันง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนจากการดูดไขมัน
การผ่าตัดดูดไขมัน เป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่งที่มีผลเหมือนกับการผ่าตัดทั่วไป ที่อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ รวมทั้งการดูดไขมันยังเป็นการนำไขมันจำนวนมากออกไป ภายในเวลารวดเร็ว ภาวะแทรกซ้อน และอาการที่อาจพบได้ มีดังนี้
- อาการวิงเวียนศีรษะ อาจเกิดจากการสูญเสียน้ำในร่างกายขณะดูดไขมัน หรือเป็นผลข้างเคียงจากยาชา ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำให้มาก
- เกิดอาการบวม ช้ำ เขียว บริเวณที่ดูดไขมัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่จะมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- การติดเชื้อของแผลผ่าตัด ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
- อาการปวดระบม เนื่องจากเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกกระทบกระเทือนจากการดูดไขมัน โดยทั่วไปจะหายภายในประมาณ 1 สัปดาห์
- ผิวหนังบริเวณที่ถูกนำไขมันออกไปไม่เรียบ เหลือเป็นรอยลักษณะเป็นคลื่นอยู่ เกิดจากการนำไขมันออกในชั้นผิวที่ไม่ลึกมากพอ หรือบางรายผิวอาจแข็ง เนื่องจากเนื้อเยื่อแข็งขึ้น แต่สามารถรักษาได้โดยการนวด
ข้อดีของการดูดไขมันลดส่วนเกิน
- ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย
- การดูดไขมัน เป็นการดูดไขมันเฉพาะจุดที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินและสร้างสัดส่วนให้สวยงาม โดยไม่ต้องอดอาหารหรือลดน้ำหนัก
- ลดจำนวนไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย และการดูดไขมันยังเป็นการกำจัดเซลล์ไขมันในร่างกายอย่างถาวร
- ช่วยแก้ปัญหารูปร่างให้เข้าที่ ช่วยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับรูปร่างมากขึ้น เป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี
- กำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุด ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกมากขึ้น
- เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว สามารถแต่งตัวได้หลากหลายมากขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง
- ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย เพื่อให้รูปร่างคงสภาพเดิม
- การสร้างสุขภาพที่ดี เพราะการดูดไขมันสามารถลดเซลล์ไขมันหรือไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งการมีไตรกลีเซอไรด์ที่มากเกินไป ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
ข้อเสียของการดูดไขมันลดส่วนเกิน
- สำหรับคนที่มีปัญหาผิว อาจเกิดแผลเป็นหรือคีลอยด์ได้
- มีแผลจากการเจาะดูดไขมัน
- มีโอกาสเกิดผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน
- ผิวอาจย้วยได้ หากดูดไขมันในปริมาณมาก หรือสภาพผิวเดิมของคนไข้มีความหย่อนคล้อยอยู่แล้ว
- หลักตากดูดไขมันแล้ว บางรายอาจมีอาการชาไม่หาย
วิธีเตรียมตัว และดูแลตนเองก่อนการดูดไขมัน
- เลือกคลินิกที่มั่นใจ จากนั้นพบแพทย์เพื่อตรวจความพร้อมของร่างกาย ผิวหนัง และตรวจไขมันสะสม
- แจ้งประวัติการการแพ้ยา และการรักษาโรคประจำตัว กรณีมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือหอบหืด
- งดรับประทานยา หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ฯลฯ ตามระยะเวลา ที่แพทย์ให้คำแนะนำ
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันปริมาณมากๆหรือดูดพร้อมกันหลายๆ จุดเนื่องจากการผ่าตัดที่ทำให้เสียเลือดมาก อาจมีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตได้
- เตรียมเสื้อผ้าสีเข้มไว้สำหรับสวมใส่ในวันดูดไขมัน เพราะหลังจากดูดไขมันจะมีน้ำซึมออกมาซึ่งอาจจะทำให้เห็นเป็นคราบได้
- เตรียมความพร้อมเพื่อการดูแลตนเอง โดยเตรียมตัวหยุดงานประมาณ 2 วัน
- อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนมาพบแพทย์
- งดรับประทานอาหารอย่างน้อย 6 ชม.ก่อนดูดไขมัน
การดูแลหลังการผ่าตัดดูดไขมัน
- หลังดูดไขมัน งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า
- ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ เช็ดตัวแทนการอาบน้ำ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหม
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะช่วงที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ จะส่งผลให้แผลหายช้า และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัดดูดไขมันเพราะจะทำให้แผลผ่าตัดหายช้า
- ออกกำลังกายเบาๆ หลังดูดไขมันไปแล้ว 2 สัปดาห์ หากต้องการออกกำลังกายหนัก สามารถทำได้หลังจากดูดไขมันไปแล้ว 1 เดือน
- ใส่สเตย์หรือชุดกระชับสัดส่วนเพื่อพยุงและป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนแผลบริเวณที่ดูดไขมัน และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยต้องเลือกสเตย์ที่เหมาะสม ประมาณ 1-8 สัปดาห์ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจดูแผลและตัดไหม
ผ่าตัดดูดไขมัน ที่เมโกะคลินิก ดีอย่างไร
- มีแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ ด้านการผ่าตัดดูดไขมันครอบคลุมทุกจุดบนร่างกาย เช่นสะโพก ก้น ใต้ก้น แก้มก้น น่อง ปีกเอว ขาด้านนอก ขาด้านใน เนินหน้าอก ฯลฯ
- มีเทคนิควิธีในการดูดไขมัน โดยใช้วิธีดมยาสลบทุกเคส ทำให้ผู้ศัลยกรรมดูดไขมันรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บ
- การผ่าตัดดูดไขมัน มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก มีวิสัญญีแพทย์ดูแลทุกเคส
- ทีมแพทย์ที่ให้บริการผ่าตัดดูดไขมัน มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัด ทำให้แผลเล็ก และแผลสวย
- แผลมีอาการบวมช้ำน้อย ทำให้หายไว ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
- เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล
- เป็นคลินิกศัลยกรรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามมาตรฐานสถานพยาบาล
- มีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผ่านการทำความสะอาดปลอดเชื้อ
- ให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมด้านเสริมความงามโดยตรง ตรวจสอบได้จากฐานข้อมูลเว็บไซต์ของแพทยสภา และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ว่าเป็นทีม “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง”
- เมโกะ คลินิก “สวยครบ จบ ในที่เดียว” เพราะให้บริการศัลยกรรมเสริมความงามครบวงจร ทั้งศัลยกรรมใบหน้า เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ปรับรูปร่างให้สวยสมส่วน ดูแลผิวพรรณให้ขาวใส ลดริ้วรอย
สรุป
การดูดไขมันหรือผ่าตัดดูดไขมัน คือการกระชับสัดส่วนให้สวยได้รูป และมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น โดยใช้เทคนิคในการกำจัดไขมันส่วนเกินชั้นใต้ผิวหนัง ออกจากส่วนต่างๆของร่างกาย และเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก การดูดไขมันทำได้ 2 วิธี คือ การดูดไขมันทิ้ง และการดูดไขมันเพื่อเติมเต็ม ที่นอกจากจะนำไขมันที่ได้มาผ่านกระบวนการแล้วนำไปฉีดเติมเต็มส่วนที่บกพร่องในร่างกายแล้ว ยังเป็นการดูดเฉพาะจุดที่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้หลายจุด ตำแหน่งในการดูดไขมันมีหลายจุด ที่นิยมดูดไขมัน ได้แก่ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ดูดไขมันสะโพก หรือส่วนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคลินิกจะมีเทคนิควิธีที่แตกต่างกัน การแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินที่ได้ผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิก แพทย์ผู้ให้บริการ และการดูแลตนเองทั้งก่อนและการผ่าตัด